ในชีวิตประจำวันเรามีการตัดสินใจตลอดเวลานะครับ เช่น ถ้าเงินในกระเป๋า มากกว่า 50 บาท จะซื้อชานมไข่มุก ถ้าอายุ เท่ากับ 13 ปี จะได้ขึ้นชั้น ม.1 ใน Python เราก็ต้องบอกให้คอมพิวเตอร์เปรียบเทียบแบบนี้เหมือนกัน
ดังนั้นตัวดำเนินการ (Operator) ในภาษาโปรแกรมมิ่ง มันช่วยให้เราสามารถทำงานกับข้อมูลต่าง ๆ ได้
| เครื่องหมาย | ความหมาย | ตัวอย่าง (Python) | ผลลัพธ์ที่ได้ |
== | เท่ากับ | 5 == 5 | True (จริง) |
!= | ไม่เท่ากับ | 5 != 2 | True (จริง) |
> | มากกว่า | 10 > 20 | False (เท็จ) |
< | น้อยกว่า | 8 < 15 | True (จริง) |
>= | มากกว่าหรือเท่ากับ | 10 >= 10 | True (จริง) |
<= | น้อยกว่าหรือเท่ากับ | 5 <= 3 | False (เท็จ) |
1. กลุ่ม “ฝาแฝด” (เท่า หรือ ไม่เท่า)
==(เท่ากับหรือไม่?): ใช้ถามคอมพิวเตอร์ว่า “สองฝั่งนี้เหมือนกันเป๊ะไหม?”- ตัวอย่าง:
10 == 10ได้ค่า True - ข้อควรระวัง: อย่าใช้
=ตัวเดียวเด็ดขาด เพราะนั่นคือการ “สั่งให้จำ” ไม่ใช่การ “ถาม”
- ตัวอย่าง:
!=(ไม่เท่ากับใช่ไหม?): ใช้ถามว่า “สองฝั่งนี้ต่างกันใช่ไหม?” ถ้าต่างกันจริง มันจะตอบว่า True- ตัวอย่าง:
10 != 2ได้ค่า True (เพราะมันไม่เท่ากันจริงๆ)
- ตัวอย่าง:
2. กลุ่ม “ปากอ้า” (การเปรียบเทียบขนาด)
กลุ่มนี้เหมือนที่เรียนในวิชาคณิตศาสตร์เลยครับ ให้จินตนาการว่า เครื่องหมายคือปากจระเข้ มันจะหันไปกินฝั่งที่ “มากกว่า” เสมอ
>(มากกว่า): ฝั่งซ้ายต้องใหญ่กว่าฝั่งขวา- ตัวอย่าง:
15 > 5→ True
- ตัวอย่าง:
<(น้อยกว่า): ฝั่งซ้ายต้องเล็กกว่าฝั่งขวา- ตัวอย่าง:
3 < 10→ True
- ตัวอย่าง:
3. กลุ่ม “พ่วงท้าย” (มีเท่ากับแถมมาด้วย)
กลุ่มนี้จะใจดีกว่ากลุ่มที่แล้ว เพราะยอมให้ค่า “เท่ากัน” ได้ด้วย
>= (มากกว่าหรือเท่ากับ): จะมากกว่าก็ได้ หรือจะเท่ากันพอดีก็ได้
ตัวอย่าง: 10 >= 10 → True (ถ้าเป็นเครื่องหมาย > เฉยๆ ข้อนี้จะตอบ False ทันที)
<= (น้อยกว่าหรือเท่ากับ): จะน้อยกว่าก็ได้ หรือจะเท่ากันพอดีก็ได้
ตัวอย่าง: 5 <= 8 → True
